บันทึกจากคำบอกเล่าของ ลุงดำ อ่วมเจริญ เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ชาติภูมิ หลวงพ่อดี เดิมชื่อดี นามสกุล อ่วมเจริญ เกิดที่บ้านสิงห์ อำเภอบางระจัน ปัจจุบันคือบ้านสิงห์วัดสาธุการาม อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
โยมบิดา มารดา เป็นคนบ้านสิงห์ ไม่ทราบชื่อ หลวงพ่อดี มีพี่น้องร่วมบิดา มารดา เดียวกัน ๗ คน ๑.นางเคียม อ่วมเจริญ ๒.นายเอี่ยม อ่วมเจริญ ๓.นายช้าง อ่วมเจริญ ๔.หลวงพ่อดี ๕.นางเมาะ ๖.นายคำ อ่วมเจริญ ๗.นายเงิน อ่วมเจริญ ทุกคนได้ถึงแก่กรรมหมดทุกคนแล้ว
เมื่อเป็นฆราวาสได้แต่งงานกับนางขำ ไม่ทราบนามสกุลและไม่ทราบว่า เป็นคนบ้านใด มีบุตรด้วยกัน ๔ คน คือ ๑.นายมี อ่วมเจริญ ๒.นายยา อ่วมเจริญ ๓.นางสี ๔.นายที อ่วมเจริญ ทุกคนได้ถึงแก่กรรมหมดทุกคนแล้ว
ด้านการศึกษาและบรรพชาอุปสมบท ไม่มีหลักฐาน หลังจากมีบุตรด้วยกัน ๔ คนแล้วหลวงพ่อดีจึงได้อุปสมบทที่วัดกลาง (เดิมมีชื่อว่าวัดสระพัง) ตำบลทองเอน อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี จำพรรษา อยู่ที่วัดกลาง จนตลอดชีวิตของท่าน มรณภาพเมื่อปีจอ (ประมาณ พ.ศ.๒๔๖๕ )
ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อได้ถูกนิมนต์ไปในงานเฉลิมพระชนมพรรษา พระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ ๕) ที่ทุ่งพระสุเมรุหรือสนามหลวง ในปัจจุบันนี้ หลวงพ่อดีมีความชำนาญใน การทำพลุ ได้รับนิมนต์ไปในงานครั้งนี้ และได้นำพลุไปจุดถวายหน้าพระที่นั่งด้วย โดยมี ๒ วัดด้วยกันคือ ๑.วัดประศุก ๒.วัดกลางซึ่งอยู่ในเขตอำเภออินทร์บุรี ปรากฏว่าพลุของหลวงพ่อ ได้รับรางวัลชนะเลิศในงานครั้งนี้ จนเป็นที่ประทับ พระราชหฤทัยพระพุทธเจ้าหลวง และพระองค์จึงทรงพระราชทานพัด พระนารายณ์ ทรงครุฑ แด่หลวงพ่อดี เป็นที่ระลึกและเป็นสมณศักดิ์ประจำหลวงพ่อต่อไป
นอกจากนี้แล้วหลวงพ่อยังมีความรู้เรื่องยาแผนโบราณ เป็นอย่างดี สามารถรักษา ผู้ป่วยไข้ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บและมีชีวิตอยู่รอดได้เป็นจำนวนมาก จะเห็นว่ามีคน มารับการรักษาจากหลวงพ่อทั้งไกลและใกล้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากในสมัยนั้นวงการ แพทย์ยังไม่เจริญเข้ามาถึงในท้องถิ่นนี้ โดยการคมนาคมไม่สะดวก
ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อดี เมื่อหลวงพ่อดีได้ถึงแก่มรณภาพแล้ว ท่านเจ้าอาวาสรองลงมาถึงองค์ที่ ๓ คือ พระสมุห์จันทร์ เจ้าคณะตำบลทองเอนได้จัดงานประจำปีขึ้น ในขณะนั้นได้จัดหา รำวงมารำ สมโภชน์ในงาน ในตอนเช้าของงาน บรรดานางรำที่คอยรับประทานอาหาร เช้าอยู่นั้นได้เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงขึ้น มีนางรำ ๒ คน เกิดปวดท้องและชักกระตุก อย่างกระทันหัน โดยไม่ทราบสาเหตุ ท่านสมุห์จันทร์ ได้สอบถามทายกวัด แล้วทายกวัด ได้ให้ไปจุดธูปเทียนคารวะเจ้าวัด ปรากฏว่านางรำทั้ง ๒ คนนั้นได้หายปวดอย่างฉับพลัน ปานปาฏิหาริย์ ท่านสมุห์จันทร์ จึงสอบถามผู้บริหารวัดแต่ก่อนมา ว่ามีพระอาจารย์องค์ใดที่มรณภาพ แล้วมีคนนับถือมาก ทายกวัดก็บอกว่ามีหลวงพ่อดีองค์เดียว พระสมุห์จันทร์ พร้อมทั้ง ทายกวัด ได้ริเริ่มจัดสร้างรูปหล่อเหมือนหลวงพ่อดี ไว้เป็นที่เคารพสักการบูชา ประมาณ พ.ศ.๒๔๘๙
เมื่อทำการหล่อรูปท่านเสร็จแล้ว ได้เกิดนิมิตที่ดี คือ เมื่อทุบเบ้ารูปหล่อหลวงพ่อออกมา ปรากฏว่า มีฝนตกอย่างน่าอัศจรรย์ทั้งที่ไม่มีเค้าฝนจะตก…
ปัจจุบันวัดกลาง มีพระอธิการลั่นทม ปภากาโร ( โคตรปา ) เป็นเจ้าอาวาสและเป็น ผู้ให้ข้อมูลในเบื้องต้นเกี่ยวกับหลวงพ่อดี
|