เปิดถนนคนเดิน ร.ศ.๑๓๐ แห่งแรกของสิงห์บุรี พ่อค้าแม่ค้าพร้อมใจแต่งกายย้อนยุค
มีร้านค้ากว่า ๒๐๐ ร้าน โดยจะจัดขึ้นทุกวันศุกร์แรกของเดือน โดยเมื่อวันที่ ๔ ส.ค.๒๕๖๐
ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรี ร.ศ.๑๓๐ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ได้มี
การเปิดถนนคนเดิน ร.ศ.๑๓๐ สิงห์บุรี
ซึ่งเป็นถนนคนเดินแห่งแรกของจังหวัดสิงห์บุรี โดยมีว่าที่ ร.ต.ธรรมศิฑชัย สามกษัตริย์
ปลัดจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานเปิดงาน ทั้งนี้เพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างราย
ได้ให้กับประชาชนในพื้นที่
โดยถนนคนเดิน ร.ศ.๑๓๐ จะมีทุกวันศุกร์แรกของทุกเดือนซึ่งกิจกรรมได้มีการรับประทาน
อาหารพื้นบ้าน พร้อมชมการแสดงรำกลองยาว การแสดงการสู้รบของวีรชนชาวบ้านบางระจันที่ยอม
สละชีวิตเพื่อรักษาพื้นแผ่นดินให้ลูกหลานได้อยู่อาศัยจนถึงทุกวันนี้ พร้อมทั้งมีการประกวด
Mister Supranational ๒๐๑๗ สิงห์บุรี
โดยภายในงานมีการจำหน่ายอาหารไทยโบราณ ทั้งอาหารคาวและขนมหวานแบบโบราณ
โดยพ่อค้าและแม่ค้าจะพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อผ้าแบบโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยาและรัตนโกสินทร์
เช่น ชุดตะเบงมาน และพูดจาด้วยคำลงท้ายด้วยคำว่า “เจ้าค่ะ” รวมทั้งยังมีการการจำหน่ายสินค้า
OTOP และ สินค้าในโครงการ ๙๑๐๑ ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อพัฒนาการเกษตร
อย่างยั่งยืน อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านค้ามาร่วมจำหน่ายจำนวนกว่า ๒๐๐ ร้านค้า
ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
ขอบคุณ ภาพ/ข้อมูล http://www.krobkruakao.com/lifestyle/49562
จากข่าวทองเอน
มาว่ากันถึง ยุค รศ.๑๓๐ มีอะไรบ้าง กล่าวคือมีการนับเวลาใหม่ คือ นับเวลาแบบสากล คือ เริ่ม
ปี พ.ศ.๒๔๕๕ วันที่ ๑ มกราคม แต่บางตำราจะเขียนเป็น ๑๓ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๔ เพราะนับ
เวลาแบบสยามในครั้งนั้น ที่เริ่มปีใหม่ในวันที่๑ เมษายน
เหตุการณ์สำคัญในไทย ยุค รศ.๑๓๐ อ้างอิงจาก วิกิพีเดีย กล่าวว่า ในวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๔
(ร.ศ. ๑๓๐) นายทหารหนุ่มและพลเรือนกลุ่มหนึ่งถูกทางการจับกุมในข้อหาคบคิดวางแผนการปฎิวัติ
ลดอำนาจพระมหากษัตริย์ลงมาใต้กฎหมายแบบเดียวกับอังกฤษและญี่ปุ่นนอกจากนี้ยังมีแผนจะเปลี่ยน
องค์พระมหากษัตริย์จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นเจ้านายพระองค์อื่นด้วย คนพวกนี้ยัง
ไม่ทันจะลงมือทำแผนก็รั่วไหลจนถูกจับกุมได้เสียก่อน รวมผู้ก่อการจำนวน ๙๒ คนคณะตุลาการศาลทหารมี
การพิจารณาตัดสินลงโทษให้จำคุกและประหารชีวิต
ส่วนเหตุการณ์โลก ที่สำคัญ ก็มีหลายเหตุการณ์อาทิเช่น จีน ก่อตั้งพรรก๊กมินตั๋ง เรือเดินสมุทรไททานิก
จมในมหาสมุทร (ค.ศ.๑๙๑๒)
ส่วนสิงห์บุรี ใน รศ.๑๓๐ ก็มี คือ พระพรหมประสาทศิลป์ (ลี) ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการ
จังหวัดสิงห์บุรี (๒๔๕๒-๒๔๕๕)และใน รศ.๑๓๐ นี้ ทางจังหวัดได้สร้างอาคารศาลจังหวัดและศาลา
กลางจังหวัดสิงห์บุรีหลังนี้ ซึ่งปัจจุบันศาลากลางจังหวัดได้ย้ายไปที่ใหม่แล้วอีกฝั่งตรงกันข้าม และปัจจุบัน
ศาลากลางหลังเก่าได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดยเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเยี่ยมชมและสัมผัสความ
งามของสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าดื่มด่ำความคลาสสิก
โดยศาลจังหวัดนั้น สร้างขึ้นเมื่อปี ร.ศ.๑๒๙ (พ.ศ.๒๔๕๓) และศาลากลางจังหวัดสร้างขึ้นเมื่อ
ปี ร.ศ.๑๓๐ (พ.ศ.๒๔๕๔) ถือเป็นกลุ่มอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดสิงห์บุรี ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาล
ที่ ๕ ในยุคที่มีการล่าอาณานิคมหรือที่รู้จักกันดีว่า“ยุคโคโลเนียล”
สำหรับลักษณะสถาปัตยกรรมของอาคารทั้งสองหลังนี้ เป็นตึกก่ออิฐถือปูน ชั้นเดียวทรงยุโรป ๓ หลัง
ติดกัน ใช้เป็นศาล ศาลากลางจังหวัดและสำนักงานที่ดินจังหวัด โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การเป็นตึกสไตล์บาโรกที่
กึ่งกลางอาคารทำเป็นมุขยื่นออกมา ด้านบนของมุขเป็นหน้าบันขนาดใหญ่ที่แตกต่าง จากหน้าบันทั่วไป ซึ่ง
ส่วนใหญ่ประดับด้วยลายปูนปั้น
แต่สำหรับอาคารหลังนี้ หน้าบันนั้นเป็นตราอาร์มซึ่งเป็นตราประจำแผ่นดินในสมัยรัชกาลที่ ๕ ด้วยความ
เก่าแก่และมีเอกลักษณ์เช่นนี้เอง กรมศิลปากรจึงได้ขึ้นทะเบียน กลุ่มอาคารหลังนี้เป็นโบราณสถานที่สำคัญ
ของชาติเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๓ข้อมูลคลาดเคลื่อนประการใดขออภัย อ้างอิงจาก
ศูนย์ข้อมูลหลายตำรา ขอบคุณข้อมูล วิกิเพียเดีย,guru.sanookสำนักงาน อ.บ.จ.สิงห์บุรี